ประวัติอัลกุรอาน
การบันทึกอัลกุรอานสมัยคอลีฟะฮ์อุสมาน
โดย อ. มุนีร มุฮัมหมัด
การบันทึกอัลกุรอานสมัยคอลีฟะฮ์อุสมาน
การบันทึกอัลกุรอานเป็นรูปเล่มเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยคอลีฟะฮ์อบูบักรอัซซิดดีก ตามคำแนะนำของท่านอุมัรอิบนุลคอฏฏอบ เนื่องจากบรรดาผู้ท่องจำอัลกุรอานเสียชีวิตจำนวนมากในสงครามริดดะฮ์ โดยมีเซดอิบนิซาบิต เป็นผู้รับผิดชอบในการบันทึกอัลกุรอาน คัมภีร์อัล กุรอานเล่มนี้ถูกเก็บไว้กับคอลีฟะฮ์อบูบักรอัซซิดดีก เมื่อคอลีฟะฮ์อบูบักรถึงแก่กรรม ผู้เก็บรักษาคัมภีร์เล่มนี้คือ คอลีฟะฮ์อุมัรอิบนุลคอฏฏอบ เมื่อคอลีฟะฮ์อุมัรถึงแก่กรรม ผู้ดูแลคัมภีร์เล่มนี้คือ ท่านหญิงฮัฟเซาะฮ์ บุตรสาวของคอลีฟะฮ์อุมัรอิบนุลคอฏฏอบ
เมื่ออาณาจักรอิสลามแผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ซ่อฮาบะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เดินทางออกไปอาศัยอยู่ในหัวเมืองต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งในสมัยคอลีฟะฮ์อุสมาน แต่ละคนก็ทำหน้าที่ในการสอนศาสนาอิสลาม และการอ่าน พร้อมกับท่องจำอัลกุรอาน ชาวชามอ่านอัลกุรอานตามแบบของท่านอุบัยอิบนิกะอฺบ์ ชาวเมืองกูฟะฮ์อ่านอัลกุรอานตามแบบของท่านอับดุลลอฮ์อิบนิมัสอู๊ด ชาวเมืองบัศเราะฮ์อ่านอัลกุรอานตามแบบของท่านอบูมูซา อัลอัชอะรีย์ บรรดาซ่อฮาบะฮ์ที่อาศัยอยู่ในหัวเมืองต่างๆ บางคนก็ไม่รู้ถึงการทบทวนอัลกุรอานของท่านญิบรีลครั้งสุดท้ายกับท่านร่อซูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่รู้ถึงวิธีการอ่านอัลกุรอานครั้งสุดท้าย และบางคนก็รู้ถึงการทบทวนคัมภีร์อัลกุรอานครั้งสุดท้าย จึงทำให้แต่ละคนอ่านอัลกุรอานตามแบบของตนเอง จึงทำให้เกิดความแตกต่างกันในการอ่าน จนถึงปี ฮ.ศ. 25 ซึ่งมีการพิชิตดินแดนอาเซอร์ไบจาน และอาร์เมเนีย ชาวชามและอิรัคต่างเดินทางไปทำสงครามด้วย พวกเขาจึงทบทวนอัลกุรอานโดยที่มีการอ่านที่แตกต่างกัน จนเกือบจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างกัน ท่านหุซัยฟะฮ์อิบนิลยะมาน ก็ร่วมอยู่ในการพิชิตครั้งนี้ด้วย เมื่อพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงมีความวิตกกังวลอย่างยิ่ง ท่านจึงเดินทางกลับมายังเมืองมะดีนะฮ์ และพบกับคอลีฟะฮ์อุสมานจึงกล่าวขึ้นว่า “ท่านอะมีรุลมุมินีน ท่านจงติดตามดูพฤติกรรมของประชาชนทั้งหลายเถิด”
คอลีฟะฮ์อุสมานกล่าวว่า “อะไรเกิดขึ้นหรือ?”
ท่านหุซัยฟะฮ์กล่าวว่า “ฉันได้ร่วมทำสงครามในอาร์เมเนีย ชาวชามอ่านอัลกุนอานตามแบบท่านอุบัยอิบนิกะอฺบ์ ซึ่งชาวอิรัคไม่เคยได้ยินมาก่อน และชาวอิรัคอ่านอัลกุรอานตามแบบของท่านอับดุลลอฮ์อิบนิมัสอู๊ด ซึ่งชาวชาวไม่เคยได้ยินมาก่อน พวกเขาจึงกล่าวหากันไปมาว่า อีกฝ่ายหนึ่งอ่านผิด”
เมื่อคอลีฟะฮ์อุสมานได้ยินเช่นนี้ ท่านจึงเรียกบรรดามุสลิมในเมืองมะดีนะฮ์ร่วมประชุมกัน แล้วท่านกล่าว “ท่านทั้งหลายอยู่กับฉันในเมืองมะดีนะฮ์มีความแตกต่างกันในการอ่านอัล กุรอานและการออกเสียง ดังนั้นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากฉันตามหัวเมืองต่างๆ ย่อมจะมีการอ่านและออกเสียงการอ่านอัลกุรอานแตกต่างกันมากขึ้น ท่านทั้งหลายจงร่วมประชุมกัน แล้วจงเขียนคัมภีร์ต้นแบบให้แก่ประชาชนทั้งหลายเถิด”
แล้วคอลีฟะฮ์อุสมานจึงมีหนังสือไปยังท่านหญิงฮัฟเซาะฮ์ โดยขอให้ส่งคัมภีร์อัลกุรอานฉบับที่คอลีฟะฮ์อบูบักร ได้ให้รวมเป็นรูปเล่ม เพื่อจะคัดลอกใหม่ ท่านเซดอิบนิซาบิต กล่าวว่า “ท่านอุสมานได้ใช้ให้รวบรวมอัลกุรอาน ในรายงานจากท่าน มุศอับ อิบนิซะอฺด์ กล่าวว่า คอลีฟะฮ์อุสมานถามว่า “ผู้ใดที่บันทึกดีที่สุด?” บรรดาซ่อฮาบะฮ์กล่าวว่า “ผู้บันทึกของท่าน ร่อซูลุลลอฮ์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือ เซดอิบนิซาบิต” คอลีฟะฮ์อุสมานถามว่า “ ใครที่ออกเสียงชัดเจนที่สุด?” ประชาชนทั้งหลายกล่าว่า “สะอีดอิบนิอาศ” คอลีฟะฮ์อุสมานกล่าวว่า “ให้สะอีด เป็นคนบอกให้บันทึก และให้เซดเป็นผู้บันทึก”
ในรายงานของมุฮัมมัด อิบนิซีรีนว่า คอลีฟะฮ์อุสมานได้รวบรวมผู้ทำหน้าที่บันทึกอัลกุรอานจำนวน12คน ในจำนวนนั้นได้แก่ เซดอิบนิซาบิต , มาลิกอิบนิอบีอามิร, กะซีรอิบนิอัฟละห์ , อุบัยอิบนิกะอฺบ์ ,อะนัสอิบนิมาลิก , อับดุลลอฮ์อิบนิอับบาส , อับดุลลอฮ์อิบนิซซุเบร .สะอีดอิบนิลอาศ , อับดุรเราะห์มาน อิบนิลฮาริษอิบนิฮิชาม”
ท่านอิบนิหะญัร กล่าวว่า “ ตอนเริ่มแรกผู้ทำการบันทึกอัลกุรอานมี2คนคือ ท่านเซดอิบนิซาบิต และท่านสะอีดอิบนิลอาศ ต่อมามีความจำเป็นจะต้องส่งต้นฉบับคัมภีร์อัลกุรอานไปยังหัวเมืองต่างๆ จึงมีการเพิ่มจำนวนผู้บันทึกอัลกุรอาน และให้ท่านอุบัยกะอฺบ์ เป็นผู้บอกให้เขียน
ท่านเซดอิบนิซาบิต กล่าวว่า เมื่อเราบันทึกอัลกุรอานถึงอายะฮ์
إِنَّ آيَةَ مُلْكِهِ أَن يَأْتِيَكُمُ التَّابُوتُ
“แท้จริง เครื่องหมายแห่งอำนาจของเขา(ฏอลูต) คือหีบ (หมายถึงหีบที่บรรจุคัมภีร์เตารอต) (อัลบะกอเราะฮ์ / 248)
ท่านเซตกล่าวว่า ฉันอ่านว่า “التَّابُوْهُ”แต่สะอีดอ่านว่า”التَّابُوْتُ”เราจึงนำปัญหานี้เสนอไปยังคอลีฟะฮ์อุสมาน ท่านเขียนว่า “التَّابُوْتُ”เพราะเป็นการอ่านตามแบบภาษาของชาวกุเรช ตามที่คัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานมา
เมื่อท่านเซดอิบนิซาบิต บันทึกคัมภีร์อัลกุรอานเสร็จเรียบร้อย จึงมีการตรวจทานก็พบว่าอายะฮ์ที่ 23ของซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบคือ
مِّنَ الْمُؤْمِنِينَ رِجَالٌ صَدَقُوا مَا عَاهَدُوا اللَّهَ عَلَيْهِ فَمِنْهُممَّنقَضَىٰنَحْبَهُ وَمِنْهُم مَّن يَنتَظِرُ وَمَابَدَّلُواتَبْدِيلًا
“จากบรรดาผู้ศรัทธามีบุคคลที่ปฏิบัติจริงตามที่พวกเขาสัญญาไว้กับอัลลอฮ์ ดังนั้นในหมู่พวกเขามีผู้ปฏิบัติตามสัญญาของพวกเขาแล้ว(ตายชะฮีด) และในพวกเขามีผู้ที่ยังคอย(การตายชะฮีด) และพวกเขามิได้เปลี่ยนแปลง(คำสัญญา) แต่อย่างใด”
อายะฮ์นี้ไม่ปรากฏอยู่ในบันทึกของมุฮาญิรีน และชาวอันศอร แต่ได้พบอยู่กับท่านคุซัยมะฮ์อิบนิซาบิต ซึ่งท่านก็บันทึกไว้
และอีกอายะฮ์หนึ่งคือ อายะฮ์ที่ 128. ของซูเราะฮ์อัตเตาบะฮ์
لَقَدْ جَاءَكُمْ رَسُولٌ مِّنْ أَنفُسِكُمْ عَزِيزٌ عَلَيْهِ مَا عَنِتُّمْ حَرِيصٌ عَلَيْكُم بِالْمُؤْمِنِينَ رَءُوفٌ رَّحِيمٌ
“แท้จริงมีร่อซูลคนหนึ่งจากพวกท่านเอง ได้มาหาพวกท่านแล้ว เป็นที่ลำบากใจแก่เขา ในสิ่งที่พวกเขาได้รับความทุกข์ยาก เป็นผู้ห่วงใยในพวกท่าน เป็นผู้เอ็นดูเมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธา”
ไม่พบอยู่ในบันทึกของชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอร แต่ปรากฏอยู่ในที่ท่องจำ และในคัมภีร์ซึ่งบันทึกในสมัยคอลีฟะฮ์อบูบักร แต่พบอยู่กับท่านคุซัยมะฮ์อิบนิซาบิต หลังจากนั้นก็มีการทบทวนครั้งที่3ก็พบว่ามีความสมบูรณ์ ไม่บกพร่องแต่อย่างใด
บันทึกจากประวัติศาสตร์มีความเห็นแตกต่างกันถึงจำนวนคัมภีร์ที่คัดลอก ที่มีหลักฐานยืนยันคือ มีทั้งหมด 5 เล่ม หรือ 4 เล่ม หรือ 7 เล่ม โดยแจกจ่ายไปยังเมืองมักกะฮ์ ชาม เยเมน บะห์เรนบัศเราะฮ์กูฟะฮ์ และเก็บไว้ที่เมืองมะดีนะฮ์ 1 เล่ม เรียกว่า มุศฮัฟอิมาม และท่านก็ได้ใช้ให้ทำลายคัมภีร์เล่มอื่นทั้งหมด ให้มุสลิมยึดถือปฏิบัติตามคัมภีร์เล่มนี้